Thursday, 30 March 2023

โรคอ้วน : การเหยียดรูปร่างในอินเดียเพิ่ม ขณะประชากรมีน้ำหนักตัวเกินปกติราว 135 ล้านคน

 

โรคอ้วนในอินเดีย เมื่อเร็วๆนี้ รัฐมนตรีคนหนึ่งในเมืองเกรละของอินเดียได้โพสต์เรื่องราวทางเฟซบุ๊กบอกเล่าประสบการณ์ที่เขาถูกดูถูกดูหมิ่นรูปร่าง ซึ่งกำลังคือปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างมากมายในอินเดีย

วี ศิวานกุตตี รัฐมนตรีด้านการศึกษาของเมืองเกรละ เล่าว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนเขาได้โพสต์ภาพที่ถ่ายกับผู้เรียนกลุ่มหนึ่ง ต่อจากนั้นมีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กคนหนึ่งเข้าไปคอมเมนต์ว่า คุณควรจะลดพุงลงสักนิด

คนอ้วนในอินเดีย โรคอ้วน

โรคอ้วนในอินเดีย ศิวานากุตตี ส่งข้อความตอบกลับว่า การเหยียดรูปร่างคนอื่นเป็น “การกระทำที่น่ารังเกียจ”

“การเหยียดรูปร่างเป็นสิ่งเลวร้ายที่สุด ไม่ว่าจะมีคำอธิบายอย่างไรก็ตาม นี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในทุกระดับชั้นของสังคมเรา มีพวกเราหลายคนตกเป็นเหยื่อการถูกเหยียดรูปร่างจนถึงขั้นที่ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจ” เขาระบุ “เราต้องยุติการเหยียดรูปร่าง จงเป็นคนที่มีแนวคิดสมัยใหม่” ศิวานากุตตีกล่าวทิ้งท้าย

ศิวานากุตตี เล่าให้บีบีซีฟังว่า กรณีที่เกิดขึ้นทำให้เขาได้ตระหนักว่าการเหยียดรูปร่างเป็นปัญหาที่อันตรายเพียงใด พร้อมชี้ว่า รัฐบาลระดับรัฐควรรณรงค์ให้เด็กนักเรียนและครูได้เรียนรู้เรื่องนี้ โดยบรรจุเป็นหลักสูตรการเรียนในสถาบันต่าง ๆ

ความเห็นของศิวานากุตตี บวกกับหนังบอลลีวูดเรื่องปัจจุบันที่ชื่อ Double XL ได้จุดประเด็นร้อนในสังคมอินเดียที่ผู้คนมักถือวิสาสะวิพากษ์วิจารณ์รูปร่างหน้าตาของผู้อื่นโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของผู้ที่ถูกวิภาควิจารณ์

ภาพยนตร์หัวข้อนี้นำแสดงโดยสองดาราสาว ฮูมา กุเรษี และโสนากษี สินหา ซึ่งเคยเล่าถึงประสบการณ์เป็นเหยื่อการเหยียดรูปร่างมาแล้ว โดยสินหามักถูกรังควานทางเครือข่ายสังคมจาก เรื่อง น้ำหนัก ตัว ในเวลาที่กุเรษี เคยถูกนักวิจารณ์บอกว่า “เธอ น้ำหนักตัว เกินกว่า ที่จะรับบทวีรสตรีมา 5 กิโลกรัม”

ซาตรัม รามานี ผู้กำกับเรื่อง Double XL บอกกับบีบีซีว่า ภาพยนตร์ เรื่องนี้ มี เนื้อหา เกี่ยวกับ สาวเจ้า เนื้อ 2 คน ที่ พบว่า น้ำหนัก ตัว ของ พวกเธอ เป็น อุปสรรค ต่อ ความฝัน และ พยายาม หาวิธี ก้าวข้าม ปัญหานี้

รามานี เล่าว่า “ผม เคย เห็น คน ที่ เต็ม ไป ด้วย พรสวรรค์ เผชิญ การดูถูก เพราะ น้ำหนักตัว ของ พวก เขา นี่เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้เลย”

นักวิจารณ์คนจำนวนไม่น้อยชี้ว่า อุตสาหกรรมหนังบอลลีวูดคือส่วนหนึ่งที่สร้างค่านิยมให้ชาวอินเดียเห็นว่าความอ้วนคือสิ่งน่าชิงชัง และความผอมบางคือสิ่งสวย

รามานี บอกว่า หนังเรื่อง Double XL ต้องการสื่อให้คนในสังคม “ยอมรับความงามของตัวเอง ไม่ว่าจะมีรูปร่าง ขนาด หรือสีผิวอะไร”

ถึงแม้ Double XL จะ ทำรายได้ ไม่ดี เท่า หนัง บอลลีวูด เรื่อง อื่นที่เน้นย้ำการส่งเสียงร้อง เล่น เต้นรำ แต่รามานีบอกว่าเขาชอบใจที่สังคมกำลังเอ๋ยถึงปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการเหยียดรูปร่าง ซึ่งเกิดขึ้นทั่วทั้งโลกไม่ใช่แค่ที่อินเดีย

นี่คือปัญหาที่ ฮาร์นิดห์ กอร์ นักประพันธ์พลัสไซส์ต้องพบเจอ และเขียนเล่าราวของเธอลงในคอลัมน์และเครือข่ายสังคม

กอร์บอกว่า การเหยียดรูปร่างเกิดขึ้นอย่างมากมาย

เพราะ ชาวอินเดียส่วนใหญ่ไม่เคยทราบขอบเขต และในครอบครัวของเราทุกคนต่างวิภาควิจารณ์รูปร่างหน้าตาของกันและกัน

เธอชี้ว่าถึงแม้ปัญหานี้จะเกิดขึ้นอยู่กับคนทุกเพศ แต่หญิงเป็นฝ่ายที่ได้รับผลพวงสูงที่สุด เพราะหญิงมักถูกตัดสินว่ามีคุณสมบัติเหมาะกับการสมรสหรือไม่ และสาวอ้วนมักเป็นตัวเลือกท้ายๆในหัวข้อนี้

กอร์ เล่าว่าเธอได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ (polycystic ovary syndrome หรือ PCOS) ตอนอายุ 12 ปี ทำให้เติบโตมาพร้อมกับการถูกล้อเลียนเรื่องน้ำหนักตัว เพราะภาวะนี้ทำให้คนเจ็บมีน้ำหนักเพิ่ม เมนส์มาเปลี่ยนไปจากปกติ และมีปัญหาผมตก

นักประพันธ์หญิงรายนี้บอกว่า ถึงแม้หลายครั้งการเหยียดรูปร่างจะเกิดจากเจตนาดีของคนภายในครอบครัวที่มีความประสงค์ดีในสุขภาพ แต่เธอพบว่าทัศนคติของผู้คนในหัวข้อนี้ก่อให้เกิดการเลือกปฏิบัติด้วย เพราะคนส่วนใหญ่มักเห็นว่าคนอ้วนมีนิสัยเกียจคร้านและไม่มีวินัย ทำให้พวกเขาถูกกัดกันในตลาดงาน

เธอยกตัวอย่างเพิ่มว่า

“ตอนที่ฉันไปโรงพยาบาลเพราะเป็นภูมิแพ้ แต่หมอกลับพูดว่าที่ฉันหายใจไม่ออกเพราะฉันอ้วนเกินไป และตอนที่ฉันข้อเท้าหัก หมอพูดว่าฉันคงจะกระดูกไม่หัก ถ้าน้ำหนักตัวไม่มากขนาดนี้”

พญ.จิตรา เสลวาน ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านโรคต่อมไร้ท่อบอกว่า แพทย์ ไม่ได้รับการอบรมที่ดีพอเรื่องศิลป์การสื่อสาร และเมื่อกล่าวถึงการเหยียดรูปร่าง แพทย์หลายคนเห็นว่าวิธีการแบบนี้จะช่วยกระตุ้นให้ผู้ป่วยบากบั่นลดหุ่น

เธอชี้ว่า การเหยียดรูปร่างอาจส่งผลเสียร้ายแรงด้านสังคมและทางด้านจิตใจ เพราะการถูกตำหนิเรื่องน้ำหนักตัวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั้นมีผลต่อการเห็นคุณประโยชน์ในตนเองและสุขภาพเกี่ยวกับจิต ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหา ความประพฤติการกินอาหารเปลี่ยนไปจากปกติ (eating disorder) และทำให้รู้สึกแปลกแยกจากสังคม กระทั่งแปลงเป็นคนเก็บตัว

พญ.เสลวาน บอกว่า การตำหนิผู้ป่วยที่มีน้ำหนักเกินเป็นวิธีที่ใช้ไม่ได้ผล และอาจจะส่งผลให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้ไม่กล้าอ้อนวอนจากแพทย์อีก

เธอชี้ว่า เหตุการณ์นี้อาจร้ายแรงขึ้น เพราะปัจจุบันนี้อินเดียมีประชากรที่น้ำหนักตัวเกินหรือเป็นโรคอ้วนราว 135 ล้านคน ข้อมูลที่ได้มาจากรัฐบาลและองค์การอนามัยโลกบ่งชี้ว่าจำนวนนี้จะมากขึ้นอีก โดยที่แพทย์คนจำนวนไม่น้อยเตือนถึงวิกฤตโรคอ้วนที่จะทวีความร้ายแรงขึ้นในอินเดีย

พญ.เสลวาน บอกว่า ปัญหาน้ำหนักตัวเกินไม่ได้เกิดจากการเลือกกินอาหารไม่ถูกต้องเพียงแค่นั้น แต่ภาวะนี้มีความซับซ้อน เพราะอาจเกิดจากหลายต้นสายปลายเหตุด้วยกัน ตัวอย่างเช่น ฮอร์โมน และความเครียด เพราะฉะนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่แพทย์และสังคมจะต้องเลิกความประพฤติเหยียดรูปร่างของคนอ้วน